เจาะลึกอาการโควิด-19 เป็นอย่างไรกันแน่และควรรักษาอย่างไร

โควิด-19 โรคร้ายที่โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากันอยู่มากว่า 2 ปี ทำเอาหลายคนรู้สึกกลัวจนไม่อยากออกจากบ้าน แม้ว่ามีบางท่านที่ได้รับวัคซีนกันแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% สิ่งที่ทุกท่านทำได้คือต้องดูแลตัวเอง และทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของโรค ซึ่งบทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะไปด้วยกัน อาการของ โควิด-19 มักจะเริ่มการมีไข้สูงมากกว่า 37 องศาเซลเซียส ไม่ได้กลิ่น ไม่รับรส มีอาการไอ เจ็บคอ หายใจขัด รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หนาวสั่น และคลื่นไส้อาเจียน รวมถึงอาจมีอาการตาแดงและผื่นขึ้นตามตัวร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยแต่ละท่านั้นมักจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็ไม่มีไข้ บางคนก็ไม่ปวดศีรษะ หรือบางคนก็ไม่ได้เจ็บคอแต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดนี้มีอาการใกล้เคียงกับไข้หวัดพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งมักจะทำให้เกิดความไม่ทันระวังของผู้ติดเชื้อ จนส่งผลให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ปอดหรืออวัยวะภายในอย่างสมบูรณ์ จนทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น หายใจลำบากหรือหายใจถี่ เจ็บหน้าอกเป็นอย่างมาก พูดไม่ชัด เคลื่อนไหวได้ไม่ถนัด หรือระบบการหายใจล้มเหลว ทำให้เป็นอันตรายจนถึงเสียชีวิตเลยทีเดียว ปัจจุบันโรคโควิดมีการกลายพันธุ์มาพอสมควร ทำให้อาการต่าง ๆ อาจจะมีลดหรือเพิ่มไปตามลักษณะสายพันธุ์ ฉะนั้นแนะนำให้ทุกท่านติดตามข่าวสารเพื่ออัปเดตอาการป่วยรูปแบบใหม่อยู่เสมอ นอกจากนั้นหากสังเกตว่าตนเองมีอาการดังกล่าวแต่ไม่แน่ใจว่าเป็น โควิด-19 หรือไม่ แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโรคและเข้าการรักษาทันที เพื่อให้ตนเองและคนรอบข้างปลอดภัยมากที่สุด

4 วิธีดูแลไต ลดความเสี่ยงไตวายเฉียบพลัน

โรคไตถือว่าเป็นอีกหนึ่งโรคเรื้อรังที่คนไทยมีสถิติการเสียชีวิตจากโรคนี้เป็นจำนวนมาก แต่ถ้าดูแลรักษาตัวเองด้วยดี ทำให้สุขภาพดีสร้างได้ ดูแลไตอย่างเหมาะสม เชื่อว่าจะสามารถอยู่ร่วมกับโรคได้อย่างมีความสุข พร้อมใช้ชีวิตที่ดีไปได้อีกยาวนาน ดังนั้นจึงขอแนะนำ 5 วิธีดูแลไต เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคไตวายเฉียบพลัน ดังนี้ 1.ดูแลเรื่องอาหาร เรื่องอาหารถือว่ามีความสำคัญต่อผู้ป่วยโรคไตเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงควรเน้นแต่อาหารที่มีคุณภาพดีต่อสุขภาพ เพิ่มเมนูผักและผลไม้สด ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ย่อยยาก รับประทานอาหารที่ไร้ไขมันและโซเดียม ควบคุมปริมาณน้ำตาลกับคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในขนาดที่เหมาะสม เพื่อทำให้อาหารเป็นหนึ่งในส่วนของการรักษาและทำให้ไตแข็งแรงขึ้น 2.ออกกำลังกายเสมอ ถ้าคุณต้องการทำให้สุขภาพดีสร้างได้ พร้อมทำให้อาการของโรคไตดีขึ้น ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เริ่มต้นจากการออกแบบเบา ๆ ไปสู่การออกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพียงเท่านี้จะช่วยทำให้อาการของโรคไตลดลงและลดเสี่ยงไตวายเฉียบพลันให้น้อยลง 3.ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม การควบคุมน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญของผู้ป่วยโรคไต เพราะน้ำหนักยิ่งสูงมากยิ่งส่งผลให้ไตวายเฉียบพลันได้ง่าย  เมื่อได้รับอาหารที่มีคุณภาพแล้ว จึงควรควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสมต่อส่วนสูง เพื่อทำให้สุขภาพถูกฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว 4.งดทุกพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง ถ้าคุณคิดว่ามีพฤติกรรมใดบ้างที่ทำร้ายตัวคุณอยู่ เช่น การสูบบุหรี่, การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ, การทำงานที่มีความเครียดสูง, การชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติเข้มข้นทั้งมัน เค็ม และเผ็ดจัด ควรลดทันทีและงดทุกพฤติกรรม เพื่อทำให้ไตของคุณไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป ถ้าคุณต้องการดูแลไตให้ถูกฟื้นฟูได้ดีมากขึ้น ลดความเสี่ยงโรคไตวายเฉียบพลัน พร้อมทำให้สุขภาพดีสร้างได้ คุณควรทำตามทั้ง 4 วิธีนี้อย่างเคร่งครัด พร้อมการดูแลตัวเองให้มีความสุขและมองโลกในด้านบวกมากขึ้น เพื่อลดความเครียดและทำให้สุขภาพของคุณได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่

หากต้องผ่าตัดควรงดกินถั่งเช่าสองสัปดาห์

การศึกษาในปี 2008 พบว่าสารสกัดจาก ถั่งเช่า สามารถกระตุ้นการตายของเซลล์ ในเซลล์มะเร็งเต้านมในการศึกษาในหลอดทดลอง มีการเห็นผลลัพธ์ที่คล้ายกันกับเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ Cordycepins ในเห็ด Cordyceps ยังดูเหมือนจะเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ ถั่งเช่า ถือว่าปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะสั้น ผู้ใช้บางรายอาจได้รับผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงเช่นปวดท้องคลื่นไส้ท้องเสียหรือปากแห้งโดยทั่วไปอาการจะหายไปเมื่อหยุดการรักษา คนอื่น ๆ รายงานว่ามีรสชาติของโลหะที่ค้างอยู่หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ ถั่งเช่า ซึ่งอาจใช้เวลาแก้ไขนาน แม้จะมีความปลอดภัย แต่การดำเนินการของยาสมุนไพรยังไม่เป็นที่เข้าใจและอาจทำให้เกิดปัญหากับผู้ใช้บางราย หากคุณแพ้เชื้อราหรือยีสต์คุณอาจจะแพ้ ถั่งเช่า และควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ให้ดี ผู้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวานอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง Cordyceps เนื่องจากการใช้ร่วมกันอาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมาก (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติหรือรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (“ทินเนอร์เลือด”) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดอาจต้องหลีกเลี่ยงถั่งเช่าเช่นกัน การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดหรือฟกช้ำได้ง่าย แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกันหากคุณต้องเข้ารับผ่าตัด ต้องหยุดรับประทาน ถั่งเช่า อย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออกมากเกินไป ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในระยะยาวของการรับประทาน ถั่งเช่าทิเบต แม้ว่าอาหารเสริมจะถือว่าปลอดภัย แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยโดยทั่วไปของยาจีนที่นำเข้า

ผู้หญิงสามารถทานยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้

เรื่องการคุมกำเนิดเมื่อยังไม่ต้องการมีบุตรจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หมายความว่าบางคนไม่ต้องการที่จะมีลูก แต่ว่าเกิดความรู้สึกยับยั้งชั่งใจไม่ไหว และมีอะไรกับคนรัก มันก็ต้องมีการวางแผนกันตั้งแต่ต้น ว่าอาจจะให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยหรือว่าให้ฝ่ายหญิงกินยาคุมกำเนิด เรามาดูข้อดีของการกินยาคุมกำเนิดของผู้หญิงกันดีกว่า วิธีการคุมกำเนิดแบบนี้ ฮอร์โมนอาจสร้างความสมดุลของขึ้นมา สิ่งนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการมีเมนส์ รวมถึงเลือดออกผิดปกติแบบว่าเลือดออกมากเกินไปหรือน้อยเกินไป และที่สำคัญเมื่อคุณผู้หญิงกินยาคุมกำเนิดมันจะทำให้เกิดสิวลดน้อยลงด้วย ในขณะที่วิธีการคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ ทำงานแตกต่างกันแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือส่วนใหญ่สามารถทำให้ช่วงเวลาจางลงและสอดคล้องกันมากขึ้นในเวลา 2.ช่วยลดความเจ็บปวด ผู้หญิงประมาณ 31% ที่ใช้ยาคุมกำเนิดอ้างถึงอาการปวดประจำเดือนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกเขายังคงทานยาต่อไป การคุมกำเนิดของฮอร์โมนป้องกันการตกไข่ เมื่อผู้หญิงไม่ตกไข่มดลูกจะไม่สัมผัสกับการหดเกร็งที่ทำให้เกิดตะคริวในระหว่างการตกไข่ หากคุณมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดการคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนอาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในระหว่างมีประจำเดือน 3.ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งที่ท่อปัสสาวะ และทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่รังไข่อีกด้วยนั้นจัดว่าเป็นข้อดีของการทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่ถูกต้องตามหลัก อ.ย. ดังนั้นการทานยาเม็ดเพื่อคุมกำเนิดก็เป็นวิธีการทางธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งโดยมีทั้งแบบทานก่อนและหลังร่วมเพศ ผู้ทานต้องปรึกษาแพทย์ก่อน